เป็นเวลาตลอดหลายชั่วโมงที่ลูซิเฟอร์นั่งอยู่บนเก้าอี้ตัวประจำไม่ขยับไปไหน แววตาที่ดูเลื่อนลอยและว่างเปล่าของเขาจ้องมองท้องฟ้าขณะที่พระอาทิตย์กำลังลับไป ก่อนที่ดวงตานั้นจะถูกปิดลงและจมดิ่งเข้าสู่ห้วงแห่งความฝันอีกครั้ง
ที่นี่มัน…
ภาพของทุ่งหญ้าในชนบทกับท้องฟ้าสีครามสดใสที่ไกลจนสุดลูกหูลูกตา ตัวของลูซิเฟอร์ในอดีตที่กำลังเดินเล่นไปตามแนวของทุ่งหญ้าอย่างสบายใจ รอยยิ้มเล็ก ๆ ปรากฏขึ้นบนใบหน้า เมื่อเขาเริ่มคิดว่าบางทีในตอนนี้ เขาอาจจะกลายเป็นผู้ชายที่กำลังมีความสุขที่สุดในโลกก็เป็นได้
ในที่สุดวันนี้ที่เขาเฝ้ารอมาตลอดก็มาถึง เขาอยากจะตะโกนบอกใครต่อใครที่เดินผ่านไปมาให้ดัง ๆ ว่า ตัวเขาในตอนนี้มีความสุขมากเพียงใด ที่อีกแค่ไม่ถึงชั่วโมงเขาจะได้เข้าพิธีวิวาห์กับหญิงสาวที่เขารัก
“คุณลูซิเฟอร์!!!! คุณลูซิเฟอร์ครับ!!!!”เสียงโวยวายจากชายคนหนึ่งที่วิ่งตรงเข้ามาหาเขาอย่างแตกตื่น ปลุกให้ลูซิเฟอร์ตื่นขึ้นจากภวังค์
“มีอะไรหรอครับ คุณฟิลล์”
“คือ...คือว่าที่โบสถ์”
คำพูดที่ดูเหนื่อย ๆ และฟังไม่ค่อยรู้เรื่องของชายคนนั้น ถึงกับทำให้รอยยิ้มที่อยู่บนหน้าของลูซิเฟอร์เลือนหายไป ก่อนที่เขาจะรีบวิ่งตรงไปยังโบสถ์ที่อยู่ห่างออกจากตัวหมู่บ้าน
และสุดท้ายสิ่งที่เขาคิดวาดเอาไว้ถูกเปลี่ยนไปจากหน้ามือเป็นหลังมือ ดวงตาของเขาเบิกกว้างขึ้นทันทีที่เขาได้เห็นภาพเพลิงไหม้ที่กำลังลุกท่วมโบสถ์ เสียงโหยหวนมากมายของเหล่าผู้คนที่ยังคงติดอยู่ในนั้นปลุกให้เขารู้สึกตัว
“แพม!!!!”ลูซิเฟอร์วิ่งตรงไปยังตัวโบสถ์ทันทีที่เริ่มตั้งสติได้
ปึ้ง !!!!
ประตูที่ถูกผลักออก ทำให้กลุ่มควันที่อัดแน่นอยู่ด้านนอกฟุ่งออกมา ลูซิเฟอร์ค่อย ๆ เอามือปัดควันที่อยู่ตรงหน้าออก ทำให้เห็นสภาพด้านในได้อย่างชัดเจนมากขึ้น
ไฟที่ลามไปติดตามผนังและเก้าอี้ยาวที่ถูกทำด้วยไม้ ทุกอย่างที่ล้วนเป็นเชื้อเพลิงอย่างดีเริ่มทำให้ไฟลุกแรงขึ้น
“แพม เธออยู่ไหน!!!!”
ลูซิเฟอร์ที่ยืนมองภาพสภาพโดยรวมอยู่ที่ประตูพร้อมกวาดสายตามองไปรอบ ๆ อย่างกระวนกระวาย แล้วดวงตาของเขาก็ต้องเบิกกว้างอีกครั้งเมื่อไปสะดุดกับร่างของหญิงสาวในชุดขาวที่นอนสลบอยู่อีกมุมด้านหนึ่งของตัวโบสถ์
“แพม!!!!”ลูซิเฟอร์วิ่งฝ่าเข้าไป ค่อย ๆ ช้อนร่างของแพมเมอรี่เข้าสู่อ้อมกอด
“แพม!!!! ตื่นซิ เลิกล้อเล่นกันได้แล้ว!!!!” น้ำตาที่เริ่มไหลคลอของเขาค่อย ๆ หยดลงบนใบหน้าของเธอ ก่อนที่เขาจะอุ้มร่างของเธอขึ้นอย่างไม่รอช้า
ไฟที่ยิ่งโหมแรงขึ้นและลามจนปิดช่องทางเดินทางเดียวของเขา ทำให้ทั้งสองติดอยู่กลางกองเพลิงที่ลุกอย่างโชติช่วง ควันไฟเริ่มเข้าแทรกแซงอากาศที่เหลืออยู่เพียงน้อยนิดจนทำให้แถบจะไม่เหลือออกซิเจนพอที่จะไปเลี้ยงสมอง และนั้นก็ทำให้ประสาทสัมผัสบางส่วนของลูซิเฟอร์เริ่มใช้การไม่ได้ เขาที่ยังคงพยายามครองสติเอาไว้ตัดสินใจวิ่งฝ่ากองเพลิงออกไป
และด้วยการตัดสินใจนั้น ทำให้ทั้งสองหลุดออกมาจากกลางวงเพลิงได้ เปลวไฟที่แผดเผาเนื้อตัวของทั้งสองคนจนเกิดรอยไหม้ โดยเฉพาะกับลูซิเฟอร์ที่พยายามเอาตัวเองเข้ากันร่างของแพมเมอรี่เอาไว้ ก็ทำให้เขาบาดเจ็บไปเกือบทั้งตัว
ลูซิเฟอร์วิ่งหลบหลีกมาตลอดจนถึงหน้าประตูและทันทีที่เขาใช้มือผลักประตูออกไป
เพล้ง !!!!
ความร้อนจากเปลวไฟทำให้กระจกสีที่อยู่ด้านบนแตกลงมา เศษของกระจกที่แตกตกร่วงลงมาที่หน้าของลูซิเฟอร์ที่แหงนขึ้นไปมอง
ปึ้ง!!!!
อ๊ากกกกกกกก!!!!
ร่างของแพมเมอรี่ล้มลงพร้อมกับลูซิเฟอร์ เศษเล็กเศษน้อยที่ร่วงลงมาฝังเข้ากับใบหน้าและกระเด็นเข้าที่ตาข้างซ้ายของลูซิเฟอร์
อ๊ากกกกกกกก!!!!
อ๊ากกกกกกกก!!!!
ลูซิเฟอร์ร้องครวญครางด้วยความทรมานพร้อมกับหยดเลือดที่ไหลออกมาจากตาข้างซ้ายนั้น
มือข้างหนึ่งของลูซิเฟอร์ค่อย ๆ เอื้อมไปหาร่างของแพมเมอรี่ที่อยู่ไม่ไกลจากตัวเขาก่อนที่สติของเขาจะดับวูบลง
..................................................................................................................
แสงจากดวงอาทิตย์ปลุกให้ลูซิเฟอร์ตื่นขึ้นจากห้วงนิทรา มือของเขารีบจับผ้าพันแผลที่พันทับตาซ้ายด้วยความตกใจทันทีที่ได้สติ ก่อนที่เขาจะค่อย ๆ ลดมือลง เมื่อสังเกตเห็นสภาพห้องที่ถูกเก็บกวาดจนเรียบร้อย
“อรุณสวัสดิ์ฮะ นายท่าน”พอซเข้ามาทักทายผู้เป็นนายด้วยใบหน้าที่ยิ้มแย้ม
“.....”
“คือตอนที่นายท่านหลับ ผมได้เข้ามาทำความสะอาดที่นี่น่ะฮะ”
“.....”
“.....”
“.....”
“อ๋อ เกือบลืมไปฮะ เมื่อกี้มีชายแปลกหน้าคนหนึ่งมาหานายท่านด้วยฮะ”และนั้นเป็นครั้งแรกตั้งแต่มานี่ ที่คำพูดของพอซจะทำให้ลูซิเฟอร์ดูสนใจได้มากถึงขนาดนี้
ลูซิเฟอร์ดูมีท่าทีแปลกใจไม่น้อยกับสิ่งที่ได้ยิน
“เขาอยู่ไหน”
“อยู่ที่ห้องโถงฮะ”
เมื่อสิ้นสุดคำพูด ลูซิเฟอร์ก็รีบเดินออกมาจากห้องอย่างกระวนกระวายโดยไม่ลืมที่จะคว้าอาวุธที่แขวนผนังอยู่ติดมือไปด้วย ทันทีที่ลูซิเฟอร์เดินมาจนถึงหัวบันไดก็พบกับชายคนหนึ่ง ที่ยืนรออยู่ด้านล่าง
ชายคนนั้นจะเงยหน้าขึ้นหันไปทางบันไดเหมือนรับรู้ได้ถึงการมาของลูซิเฟอร์
“สวัสดีครับ”ชายแปลกหน้ากล่าวทักทายลูซิเฟอร์ด้วยรอยยิ้ม
“.....”
ชายคนนั้นมองพิจารณาร่างที่อยู่ด้านบนก่อนที่เขาจะสังเกตเห็นอาวุธที่อยู่ในมือของลูซิเฟอร์
“ผมว่าเราควรจะมาคุยกันดี ๆ นะครับ”เขาส่งยิ้มให้ลูซิเฟอร์อย่างขี้เล่น
“.....”
“อ๋อ...เกือบเสียมารยาท ผมกาเบรียล ดีสเซ็นต์ ยินดีที่ได้รู้จักครับ”กาเบรียลก้มตัวลงเล็กน้อยเพื่อเป็นการแนะนำตัว
“.....”
“งั้นผมขอเข้าเรื่องเลยแล้วกันนะครับ คุณลูซิเฟอร์ อลิเดเซ่”กาเบรียลรีบเอ่ยขึ้น เมื่อตัวเขานั้นเริ่มรู้สึกอึดอัดกับสายตาที่ลูซิเฟอร์มองมาทางเขา
“แกเป็นใครกันแน่!!!!”ดวงตาของลูซิเฟอร์เบิกกว้างขึ้นพร้อมกับอาวุธในมือที่ถูกชูขึ้น
“ใจเย็นซิครับ ผมกาเบรียล ก็คือกาเบรียลซิครับ จะให้เป็นใครได้ แหม...เก็บอาวุธก่อนซิครับ”
“.....”
“ถ้าผมพูดถึงองค์กร ดูเหมือนว่าเราจะคุยกันง่ายขึ้นนะครับ”
“.....”อาวุธที่อยู่ในมือของลูซิเฟอร์ค่อย ๆ ลดลง ก่อนที่เขาจะคิดถึงคำพูดที่ผู้บุกรุกเคยบอกไว้กับเขา
“เฮ้อ...ผมชักเมื่อยแล้วล่ะ ขอผมนั่งจิบชา แล้วเราค่อยคุยกันเถอะครับ”กาเบรียลเริ่มแสดงอาการบิดขี้เกียจก่อนที่จะหันมาส่งยิ้มให้ลูซิเฟอร์อีกครั้ง
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น