จากมุมมืดอีกห้องหนึ่ง เด็กหนุ่มที่คอยเฝ้าดูอดีตผู้ล่าตายต่อหน้าเขาไป ทีละคน... ทีละคน... กลิ่นตลบอบอวนของคาวเลือดในห้องโถงส่งกลิ่นมาถึงเขา ทำให้เด็กหนุ่มในตอนนี้รู้สึกคลื่นไส้อยากจะอาเจียน
“คิก ๆ คิก ฮะ ฮ่า ฮ่า ฮ่า ฮ่า!!!!”เสียงหัวเราะของผู้สังหารดังขึ้นหลังจากที่ยืนเงียบอยู่นาน เขาเริ่มลดตัวลง ใช้มือลูบบริเวณดวงตาของเหยื่อให้ปิดลงและในตอนนั้นเองเป็นครั้งแรกที่เด็กหนุ่มได้เห็นใบหน้าของชายคนนั้นอย่างชัดเจน
ภาพนั้นทำให้ดวงตาของเด็กหนุ่มเบิกกว้างขึ้น ใบหน้าที่ดูคุ้นเคย ผมสีดำที่ถูกปล่อยยาวถึงกลางหลัง ชุดสีขาวที่ถูกย้อมไปด้วยเลือดนั้น เขายังจำมันได้ดี น้ำนัยน์ตาของเขาเริ่มไหลคลอ
ปึ้ง!!!!
ทันทีที่เด็กหนุ่มเริ่มเดินถอยหลัง ข้อศอกของเด็กหนุ่มชนเข้ากับสิ่งของบางอย่างภายในห้องจนทำให้ชายที่อยู่ข้างนอกรู้ได้ว่าในมุมมืดนั้นยังมีใครบางคนซ่อนตัวอยู่
“คิก คิก คิก ยังมีเหลืออีกเหรอ”ดวงตาของเขาเริ่มเบิกกว้างขึ้นอีกครั้ง เขากระชากมีดที่ถูกปักอยู่ออกจากร่างของเหยื่อและเดินตรงเข้าไป
“นะ นั้นนายท่านใช่มั้ยฮะ”เขาถึงกลับชะงักลง เมื่อร่างเด็กหนุ่มค่อย ๆ ก้าวออกมาจากเงามืด
ภาพของเด็กหนุ่มในชุดที่ดูมอมแมมถูกสะท้อนอยู่ที่นัยน์ตาที่เบิกกว้างของเขา ถึงแม้เวลาจะผ่านมาหลายปี แต่เด็กหนุ่มที่ยืนอยู่ตรงหน้าเขาก็ยังคงเป็นเด็กน้อยคนเดิมคนเดียวกันกับเด็กน้อยที่เขาฝันถึงอยู่บ่อย ๆ
..................................................................................................................
“บอกมานะ เอาของที่ขโมยไปซ่อนไว้ไหน!!!”เสียงเอะอะโวยวายดังลั่นไปทั่วคฤหาสน์ คุณผู้หญิงที่กำลังพยายามซักความจริงจากปากของเด็กน้อยที่คุกเข่าสะอึกสะอื้นอยู่กับพื้น
“นี่ คุณผู้หญิงถามก็ตอบไปซิ”คนสนิทของคุณผู้หญิงกระซิบบอกเด็กน้อย
“.....”
“ฉันถามก็ตอบมาซิ!!!!”คุณผู้หญิงเริ่มมีอาการหงุดหงิด เมื่อไม่ได้รับคำตอบอะไรจากเด็กน้อย
“มะ มะ ไม่ได้...”เมื่อเด็กน้อยเริ่มเปิดปากพูดไม่ทันไรก็ถูกคุณผู้หญิงตวาดใส่ด้วยความหงุดหงิดอีกครั้ง
“โกหก!!!!”
เด็กน้อยที่ไม่สามารถจะโต้ตอบอะไรได้ ก็ทำได้เพียงแค่นั่งตัวสั่นเมื่อเห็นว่าคุณผู้หญิงง้างไม้ที่อยู่ในมือขึ้นเตรียมพร้อมจะฟาด
“นายท่านขอรับ”คนรับใช้ที่ยืนอยู่หน้าประตู เมื่อเห็นว่าผู้เป็นนายเดินมาก็โค้งคำนับอย่างนอบน้อม เสียงนั้นทำให้การกระทำของคุณผู้หญิงชะงักลง
“ไม่เป็นไร ๆ”ชายผู้สูงศักดิ์ทำท่าเขินอายเล็กน้อย ก่อนที่จะเดินเข้ามาในห้อง
“ท่านแม่ ทำอะไรอยู่หรือครับ”ผู้เป็นลูกกล่าวถามมารดาด้วยรอยยิ้ม
“อ้าว... นึกว่าใคร อลิเดเซ่เองเหรอ แม่กำลังจะลงโทษหัวขโมยปากแข็งอยู่น่ะ เดี๋ยวก็เสร็จแล้วล่ะ”ผู้เป็นแม่ตอบกลับอย่างสุขุม ก่อนที่จะหันกลับไปสนใจเด็กหัวขโมยอีกครั้ง
ผู้เป็นลูกจ้องมองเด็กน้อยที่กำลังตัวสั่นด้วยความกลัว
“เออ...ท่านแม่ดูเหมือนท่านจะเหนื่อยไปแล้วนะครับ ให้ผมจัดการเองดีกว่า”ผู้เป็นลูกเดินอ้อมไปด้านหลังและดึงไม้ที่อยู่ในมือของมารดาออก
“อือ แม่ก็ว่างั้นแหละ”
“ครับ ท่านแม่”
“นี่ เอ็มม่า ฉันขอน้ำชากับของว่างหน่อย ทานด้วยกันมั้ย อลิเดเซ่”เธอนั่งลงกับเก้าอี้รับแขกตัวใหญ่ที่ตั้งอยู่ไม่ไกล ทุกย่างก้าวที่เธอเคลื่อนไหว กิริยาของเธอนั้นช่างดูสงบเสงี่ยมเหมาะกับชุดกระโปรงยาวและต่างหูรูปผีเสื้อที่เธอใส่
“ไม่ดีกว่าครับ เดี๋ยวผมจะพาตัวเด็กคนนี้ไปสอบปากคำเลยดีกว่า”พอพูดจบเขาก็เดินจากห้องนั้นไปพร้อมกับเด็กน้อย
..................................................................................................................
แสงแดดยามที่ดูอบอุ่นของฤดูใบไม้ผลิสอดส่องไปตลอดทางเดิน ห้องทำงานของนายท่านผู้นำตระกูลอลิเดเซ่มาหลายชั่วอายุคน และเจ้าของห้องคนปัจจุบันก็คือ นายท่านอลิเดเซ่ที่สิบเจ็ดหรืออีกชื่อหนึ่ง ลูซิเฟอร์ อลิเดเซ่
แอ๊ด... เสียงเปิดประตูดังขึ้นเมื่อทั้งสองเข้ามาถึง ภายในห้องที่มีแค่โต๊ะทำงานและตู้หนังสืออีกสองสามตู้กับชุดรับแขกอีกหนึ่งชุด ห้องที่ดูสว่างปลอดโปร่ง ลมจากหน้าต่างบานใหญ่หลังโต๊ะทำงานที่ถูกเปิดออกถูกพัดเข้ามา ห้องนี้ดูสบายกว่าภาพห้องมืดครึมและน่าเกรงขามที่เด็กน้อยคิดไว้มาก ถึงตอนนี้ตัวของเด็กน้อยจะยังรู้สึกกลัวอยู่ แต่ก็ไม่ได้รู้สึกอึดอัดเหมือนตอนที่อยู่กับคุณผู้หญิงเลยแม้แต่น้อย
“เฮ้อ...”เสียงถอนลมหายใจอย่างผ่อนคลายของนายท่านลูซิเฟอร์ที่ทิ้งตัวนั่งบนเก้าอี้ทำงานอย่างสบายใจ ถึงแม้ว่าเขาจะเป็นลูกที่สืบทอดเชื้อสายมาจากคุณผู้หญิง แม่ของเขา แต่เขากลับดูเป็นกันเองมากกว่าคุณผู้หญิงหลายเท่า
“นั่งสิ”ลูซิเฟอร์บอกกับเด็กน้อยอย่างอ่อนโยน เด็กน้อยค่อย ๆ ก้มตัวลงคุกเข่านั่งกับพื้น
“ไม่ใช่ ฉันไม่ได้ให้นายนั่งลงกับพื้นซะหน่อย ไปนั่งที่เก้าอี้รับแขกตรงโน้นเถอะ”ลูซิเฟอร์พูดพร้อมชี้นิ้วไปที่เก้าอี้รับแขกตัวใหญ่สีขาวที่ดูหรูหรา
“เอ๊ะ!!!!”เด็กน้อยถึงกับอุทานออกมาด้วยความตกใจและสับสนกับคำพูดของนายท่าน ไม่เคยมีเจ้านายคนไหนสั่งให้เด็กท้ายครัวอย่างเขานั่งบนเก้าอี้ที่ดูหรูหราขนาดนั้น
“นั่งไปเหอะ ฉันไม่ว่านายหรอก”เด็กน้อยเริ่มลุกลี้ลุกลนไม่รู้จะทำอย่างไรก็ได้แต่ค่อย ๆ หย่อนตัวลงนั่งอย่างเกร็ง ๆ
“หึ หึ นายนี่ตลกจริง ๆ เลยนะ เป็นท่อนไม้เหรอ”เสียงหัวเราะเบา ๆ อย่างชอบใจและคำพูดที่ดูเหมือนแซวเล่นของผู้เป็นนาย ทำให้เด็กน้อยเริ่มหน้าแดงเพราะความอาย
“.....”
“เอาแบบนี้แล้วกัน ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป นายมาติดตามฉันแล้วกันนะ”
เรื่องราวของทั้งสองคนถูกหยุดอยู่ตรงนั้น หลังจากที่ตัวเขาเองต้องตื่นขึ้นเพราะเสียงของเด็กหนุ่มคนนั้น
“คุณคือนายท่านใช่มั้ยฮะ นายท่านลูซิเฟอร์แห่งตระกูลอลิเดเซ่ คือคุณใช่มั้ยฮะ นายท่าน”การที่เด็กหนุ่มยิ่งพูดมากเท่าไหร่น้ำตาของเด็กหนุ่มที่คลออยู่ก็เริ่มไหลลงมาอาบแก้มมากขึ้นเท่านั้น ในที่สุดตลอดสามปีที่ผ่านมาที่เขาเร่ร่อนไปมาอยู่ข้างนอกและวันนี้เขาก็ได้พบกับคนสำคัญที่เขากำลังตามหาอยู่
ตุ๊บ...
มือที่ถือมีดพกอยู่ค่อย ๆ คลายออก ทำให้มีดพกนั้นร่วงลงสู่พื้น
“ไปซะ”ดวงตาที่เบิกกว้างถูกเปลี่ยนเป็นแววตาที่เลื่อนลอยและว่างเปล่า คำพูดเบา ๆ ถูกเอ่ยออกมาจากปากของอีกฝ่ายก่อนที่เขาจะหันหลังกลับขึ้นบันไดไป
“ดะ เดี๋ยวซิฮะ นายท่านจำผมไม่ได้แล้วเหรอ ผะ ผมพอซไงฮะ”เด็กหนุ่มวิ่งตามหลังลูซิเฟอร์ที่กำลังก้าวขึ้นบันไดไป
“ฉันบอกให้นายออกไปซะ!!!!”ลูซิเฟอร์หันมาตวาด ก่อนที่เขาจะเดินขึ้นไปและปล่อยเด็กหนุ่มไว้ด้านหลัง
นายท่านที่เขาเฝ้าตามหามาตลอดหลายปี ตอนนี้กลับไล่ให้เขาไป พอซ...เด็กหนุ่มที่ไม่สามารถจะทำอะไรได้ ก็ทำได้เพียงปล่อยให้น้ำตาของเขาไหลออกมา
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น