12.12.2554

บทที่ 8


ติ๊ง...ต่อง !!!!
                ความเงียบของคฤหาสน์ถูกทำลายลงทันทีที่ออดด้านนอกถูกกด กาเบรียลหยิบนาฬิกาที่อยู่ในเสื้อนอกออกมาดูเวลาเล็กน้อยก่อนที่จะเก็บกลับเข้าไป               
                สวัสดีฮะ คุณกาเบรียลพอซที่เปิดประตูออกมากล่าวทักทายกาเบรียลที่ยืนรออยู่หน้าประตู
                อ้าว สวัสดีเจ้าหนู
เข้ามาก่อนซิฮะ นายท่านกำลังรออยู่
ทันทีที่กาเบรียลเดินเข้ามาภายในห้องโถงก็พบกับลูซิเฟอร์ยืนอยู่ที่หัวบันไดด้านบนเหมือนกับครั้งแรกที่ได้พบกัน
สวัสดีครับ คุณลูซิเฟอร์กาเบรียลกล่าวทักทายอย่างขี้เล่น
.....
ผมมาขอคำตอบแล้ว ตกลงว่าไงครับ
.....
.....
.....
ผมหวังว่าคุณจะกลับไปพร้อมกับผมนะครับ
ได้ ฉันจะไปลูซิเฟอร์เอ่ยขึ้นเบา ๆ ก่อนที่จะก้าวเดินลงจากบันได
ดีเลยครับ
แต่...
.....
ฉันจะพาเจ้านั่นไปด้วยลูซิเฟอร์พูดพร้อมกับหันไปมองพอซที่ยืนอยู่ด้านหลังกาเบรียล
เอ๊ะ!!!! นายท่าน
ไม่มีปัญหาครับ แต่ผมหวังว่าคุณจะมั่นใจกับสิ่งที่ขอมานะครับกาเบรียลพูดพร้อมกับส่งยิ้มอย่างขี้เล่นให้กับลูซิเฟอร์ก่อนที่จะหันหลังเดินไปที่ประตู
.....
งั้นเราไปกันเถอะครับ รถม้ารออยู่ด้านนอก
.....
นายท่านฮะ
ไม่ไปเหรอลูซิเฟอร์หันมาถามพอซที่ยืนนิ่งอยู่ก่อนที่จะเดินออกไปจากประตู
..................................................................................................................

รถม้าถูกขับออกจากตัวเมืองมุ่งไปตามทางเดินของชนบทที่โล่งกว้าง ก่อนจะถูกเลี้ยวลงไปตามทางที่ลาดชันและลงไปตามทางเรียบที่ถูกขนาบด้วยต้นไม้ใหญ่ แสงแดดในยามเช้าส่องผ่านแมกไม้ลงมายังพื้นดินที่ยังไม่ได้ถูกปูเป็นถนน
ไง ชอบเหรอเจ้าหนูกาเบรียลถามขึ้น เมื่อเห็นว่าพอซที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามดูชอบใจกับภาพด้านนอกของหน้าต่าง
ก็นิดหน่อยน่ะฮะ แต่ทำไมที่นี่ดูเงียบจังเลย
ที่นี่น่ะเป็นทางลัด ที่เราใช้ตัดไปยังองค์กร พวกคนนอกที่ไม่ใช่พวกเรา ไม่มีใครรู้หรอกครับ
 เอี๊ยด !!!!
เป็นเวลาไม่นาน รถม้าที่ขับมาตลอดแนวของต้นไม้ถูกจอดลงที่หน้าโบสถ์โทรม ๆ แห่งหนึ่งที่ตั้งตระหง่านอยู่กลางป่า
ดูเหมือนเราจะต้องลงแล้วล่ะครับกาเบรียลส่งยิ้มให้กับสองคนก่อนที่จะเปิดประตูรถม้าลงไป
เฮ้อ...นั่งรถม้าตั้งนาน เมื้อย...เมื่อย...  คุณลูซิเฟอร์ก็คิดแบบนั้นด้วยรึเปล่าครับ
.....ลูซิเฟอร์ที่พึ่งจะก้าวลงจากรถม้าหันมามองกาเบรียลเล็กน้อยก่อนจะหันไปสนใจกับตัวโบสถ์ที่อยู่ตรงหน้า
งั้นเราเข้าไปข้างในกันเลยดีกว่ากาเบรียลหันมาส่งยิ้มให้ก่อนที่จะเดินนำเข้าไป
แอ๊ด...ด... เมื่อประตูถูกเปิดออกทำให้ทั้งสองที่ตามมาเห็นสภาพภายในของโบสถ์ แสงสลัว ๆ จากกระจกบานใหญ่ในสุดถูกสะท้อนลงกับพื้น สภาพของฝุ่นกับใยแมงมุมที่ห้อยระย้าอยู่ตามผนัง เพดานและข้าวของต่าง ๆ
จี๊ด ๆ จี๊ด... เสียงของหนูเจ็ดแปดตัวที่วิ่งไปมาระหว่างพื้นเริ่มทำให้พอซรู้สึกขนลุกเล็กน้อย
กาเบรียลที่เดินนำหน้าเข้ามาเริ่มจัดการดึงพรมผืนใหญ่ที่ปิดทับแผ่นไม้เก่าออก
ปึ้ง!!!!
ประตูลับที่ถูกซ่อนอยู่ใต้พรมถูกเปิดออก เผยให้เห็นบันไดเล็กที่ลงไปยังช่องทางเดินใต้ดิน
เรารีบไปกันเถอะครับ เราจะไปถึงที่โน่นก่อนพระอาทิตย์ตก ไม่งั้นเราคงแย่แน่ครับกาเบรียลหยิบไม้ขีดจากในกระเป๋าเสื้อนอก ออกมาจุดตระเกียงเล็กที่วางอยู่ตรงขั้นบันไดบนสุด ก่อนที่จะเดินลงไปตามขั้นบันได
เมื่อประตูด้านบนค่อย ๆ ถูกดึงลงมาปิด ทำให้ทั้งสามตกเข้าสู่ความมืดโดยมีเพียงแค่แสงไฟจากตระเกียงเท่านั้นที่จะสามารถนำทางพวกเขาได้ เสียงหยดน้ำจากด้านบน หยดลงบนพื้นอิฐเก่า ๆ ที่ถูกปูไว้ อย่างเป็นจังหวะด้วยความชื้นของหยดน้ำทำให้อุณหภูมิด้านล่างนี้เย็นพอสมควร
ทางเดินนี้เป็นท่อน้ำทิ้งเก่าน่ะครับ
.....ลูซิเฟอร์ที่เดินตามมาทอดสายตาไปตามรอยแตกของตัวกำแพงอิฐโดยไม่มีท่าทีว่าจะสนใจคำพูดของกาเบรียล
งั้นผมจะเล่ารายละเอียดขององค์กรอย่างคร่าว ๆ ให้ฟังแล้วกันนะครับ
.....
องค์กรของเราเป็นองค์กรลับที่ถูกก่อตั้งขึ้นเมื่อหลายปีก่อน พวกเราได้รวบรวมคนที่มีความสามารถเอาไว้มากมาย
.....
แต่ละคนที่มาอยู่ที่นี่ต่างมีเป้าหมายที่แตกต่างกัน แต่ในความแตกต่างนั้นพวกเขากลับมีความต้องการเดียวกัน
การเป็นที่หนึ่งซินะลูซิเฟอร์ที่ดูไม่สนใจในตอนแรกนั้นเอ่ยแทรกขึ้นมา
ใช่ครับ คุณลูซิเฟอร์ การเป็นที่หนึ่ง
ทำไมเหรอฮะพอซที่เดินตามท้ายมาถามขึ้น
ก็เพื่อเป้าหมายอย่างที่ผมได้พูดเอาไว้กาเบรียล หันมายิ้มให้กับพอซก่อนที่จะหันกลับมาอธิบายต่อ
ฉะนั้นทุกคนที่นั้น จึงทำทุกวิถีทางเพื่อที่จะได้ที่หนึ่งมาครอง...โดยเฉพาะกับเจ้าหนูกาเบรียลหยุดชะงักลงหันมองพอซอีกครั้ง แต่ครั้งนี้แววตาที่ดูขี้เล่นของเขากลับเปลี่ยนเป็นแววตาที่ดูจริงจังมากขึ้น
.....
ถ้าเป็นไปได้ ตอนที่อยู่ที่นั้นอย่าไปไหนมาไหนคนเดียวจะดีกว่า เพราะสำหรับผู้อ่อนแอก็คือเหยื่อ นี่เป็นกฎเพียงข้อเดียวของที่นั้น
หลังจากนั้นกาเบรียล  ก็นิ่งไปครู่หนึ่งก่อนที่เขาจะหันกลับไปสังเกตเห็นบันไดที่อยู่ตรงหน้า
ดูเหมือนเราจะมาถึงแล้วนะครับกาเบรียลส่งยิ้มให้กับพอซเล็กน้อยก่อนที่จะเอื้อมมือไปผลักประตูไม้จากด้านบนให้เปิดออก แสงสว่างจากภายนอกถูกส่องลงมาสู่ความมืดอีกครั้ง
บานประตูที่อยู่อีกฟากหนึ่งของกลางป่าทึบค่อย ๆ ถูกเปิดออก แสงสว่างจากด้านนอกเริ่มเล็ดรอดเข้าไปสู่ทางเดินใต้ดิน ก่อนที่ร่างของทั้งสามคนจะย่างก้าวขึ้นสู่พื้นดินอีกครั้ง
            ขอต้อนรับสู่ยามเย็นของป่าด้านหลังองค์กรนะครับ
                .....
          เออ...คือ...ป่าเหรอฮะพอซเอ่ยถามขึ้นอย่างแปลกใจ
                อ๋อ...สงสัยผมจะลืมบอกพวกคุณไป ทางเดินจากโบสถ์นั้นจะถูกเชื่อมมาที่ป่าแห่งนี้ ซึ่งอยู่ไม่ไกลจากตัวขององค์กร พวกเราจะต้องระวังเรื่องความปลอดภัยเอาไว้น่ะครับ เผื่อมีอะไรเกิดขึ้น
          .....
                .....
                งั้นผมว่าเราควรรีบไปก่อนที่มันจะมืดดีกว่านะครับ เดี๋ยวเราเดินตรงไปอีกนิดก็จะถึงแล้ว
ว่าแล้วกาเบรียลก็เริ่มพาลูซิเฟอร์และพอซเดินลัดเลาะไปตามแนวของต้นไม้ใหญ่อย่างชำนาญ ก่อนที่พวกเขาจะมายืนอยู่ที่ด้านหลังของอาคารทรงโบราณสีขาวขนาดใหญ่
ถึงแล้วล่ะครับ
.....
.....
ก่อนอื่นผมจะขอแนะนำตัวเองอีกรอบอย่างเป็นทางการแล้วกันนะครับ
.....
.....
ผม...กาเบรียล ดิสเซ็นต์ ทำหน้าที่เป็นผู้คอยดูแลเรื่องต่าง ๆ ที่อยู่ภายในองค์กรแห่งนี้ครับกาเบรียลโค้งตัวลงเล็กน้อยอย่างนอบน้อม
.....
.....
งั้นต่อไป ผมจะเริ่มพาพวกคุณไปที่ห้องพักและเริ่มแนะนำเรื่องที่ควรรู้เกี่ยวกับที่นี่ให้ฟังระหว่างทางแล้วกันนะครับ
.....
.....
บริเวณทั้งหมดของช่วงตึกที่เป็นสีขาวนี้ทุกอย่างจัดว่าเป็นอาณาเขตทั้งหมดขององค์กร ส่วนเหล่าผู้คนที่เดินผ่านไปมานั้นทุกคนล้วนจัดว่าเป็นสมาชิกของที่นี่
                กาเบรียลพาลูซิเฟอร์และพอซเข้ามาภายในตัวอาคาร ทำให้พวกเขาได้พบเห็นสมาชิกคนอื่น ๆ มากขึ้น ก่อนที่สายตาของลูซิเฟอร์จะไปสะดุดเข้ากับคนกลุ่มหนึ่งที่สวมผ้าคลุมสีขาวเดินไปมาอยู่บนระเบียงของชั้นสี่
 พวกนั้นเขาเรียกตัวเองว่าสาวกผู้รับใช้ต่อพระเจ้าครับกาเบรียลเอ่ยขึ้นพร้อมกับเงยหน้าไปมองก่อนที่จะหันกลับมาหาลูซิเฟอร์
.....ลูซิเฟอร์ละสายตาออกมาจากระเบียงชั้นสี่หันลงมามองกาเบรียล
พวกนั้นจัดได้ว่าเป็นผู้บุกเบิกขององค์กรเราเลยก็ว่าได้ แต่พวกเขาไม่ค่อยมีมนุษย์สัมพันธ์กับใครเขาหรอกครับ
แล้วทำไมพวกเขาถึงอยู่ด้วยกันล่ะฮะ
ที่นี่น่ะ ไม่ใช่ว่าจะมีแต่พวกที่ต่างคนต่างอยู่เสมอไปนะครับ ถึงแม้ว่าคนที่นี่จะเก่งกันทุกคน แต่ในหมู่คนเก่ง ก็ต้องมีคนเก่งกว่า และด้วยเหตุนี้ ทำให้มีพวกที่คอยจับกันเป็นกลุ่มเพื่อหลายเหตุผลอย่างเช่น พวกอ่อนแอก็จะอยู่รวมกันเพื่อความแข็งแกร่ง หรือไม่ก็เป็นพวกที่เคยแพ้ในการต่อสู้แล้วยังรอดมาได้ก็กลายเป็นลูกไล่เขาบ้างก็มีครับ
.....
แต่เหตุผลเหล่านั้นเป็นเพียงส่วนหนึ่ง พวกเขาเหล่านั้นมีเหตุผลบางอย่างที่ต้องอยู่ด้วยกัน ซึ่งเหตุผลนั้นก็ยังคงถูกเก็บเป็นความลับ ไม่มีใครรู้นอกจากตัวของพวกเขาเอง
.....
.....
งั้นเราไปต่อกันเลยดีกว่าครับ

12.05.2554

บทที่ 7


โต๊ะน้ำชาถูกจัดขึ้นที่บริเวณระเบียงด้านนอก นี่คงเป็นครั้งแรกที่คฤหาสน์หลังนี้จะเปิดต้อนรับแขกในรอบสามปีที่ผ่านมา
คือ...ขอโทษนะฮะคุณกาเบรียล ผมหาชาดี ๆ มาให้คุณไม่ได้พอซพูดขึ้นด้วยความรู้สึกผิดในขณะที่กำลังรินชาลงในถ้วยกระเบื้องอย่างดี
หึ หึ ไม่เป็นไรหรอกเจ้าหนู แค่นี้ก็ดีอยู่แล้ว ใช่มั้ยครับ คุณลูซิเฟอร์
.....
ลูซิเฟอร์ที่กำลังนั่งมองถ้วยชาของตนเอง เขาค่อย ๆ เงยหน้าขึ้นมองกาเบรียลที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้าม เมื่อสายตาที่ขี้เล่นของกาเบรียลสบเข้ากับตาของลูซิเฟอร์ ก็ทำให้เขานึกขึ้นได้ว่าเขามีเรื่องที่จะต้องพูดอยู่
งั้นขอเข้าเรื่องอีกครั้งเลยนะครับ
.....
ผมเป็นคนที่มาจากองค์กรครับ
.....
รวมทั้งสองคนนั้นที่คุณฆ่าตายไปด้วยครับ
จะมาฆ่าฉันหรอลูซิเฟอร์แทรกขึ้น
เปล่าครับ ไม่เคยคิดแบบนั้นเลย แต่ถ้าเป็นเรื่องของสองคนนั้น ทางเราเองก็เกิดเหตุผิดพลาดนิดหน่อย วันนี้ผมจึงมาที่นี่เพื่อกล่าวขอโทษคุณด้วยตัวเองและก็ตั้งใจจะชวนคุณไปอยู่กับเราที่องค์กรในฐานะสมาชิกคนหนึ่งเท่านั้นเองครับ
.....
คุณคงเห็นฝีมือของคนที่ถูกส่งมาแล้ว ผมเห็นแววตาที่คุณมองพวกเขานะครับ คุณดูสนุกกับมันมาก
.....
แต่นั้น...ถ้าเทียบกับคนที่เหลือในองค์กรแล้ว พวกนั้นจัดอยู่แค่พวกระดับปลายแถวเท่านั้นเอง
ดวงตาของลูซิเฟอร์เบิกกว้างขึ้นเมื่อได้ยินสิ่งที่กาเบรียลพูด
คุณดูตกใจมากกว่าที่ผมคิดไว้นะครับ
.....
ดูจากฝีมือของคุณแล้ว ถ้าได้รับการขัดเกลาอีกสักหน่อย การที่จะเป็นที่หนึ่งของที่นั้นสำหรับคุณมันก็ไม่ใช่เรื่องยาก
มันไม่ได้เกี่ยวอะไรกับฉันลูซิเฟอร์ตอบกลับอย่างห้วน ๆ
ไม่หรอกครับ มันเกี่ยวแน่
.....ลูซิเฟอร์มองกาเบรียลอย่างสงสัย
กาเบรียลค่อย ๆ ยกถ้วยชาขึ้นจิบเพื่อเป็นการเว้นช่วงก่อนที่จะเริ่มพูดต่อ
เพราะบางทีการที่คุณยิ่งใกล้ความเป็นที่หนึ่งมากเท่าไหร่ คุณอาจจะได้พบกับเรื่องอะไรสนุก ๆ ที่กำลังรอคุณอยู่ก็ได้ และมันก็อาจจะเป็นเรื่องสนุกที่แม้แต่ตัวคุณเองก็คาดไม่ถึง ผมรับรองครับว่า มันจะไม่ทำให้คุณผิดหวังเลย
.....
ว่าไงครับ อีกสองวันผมจะมาขอคำตอบจากคุณกาเบรียลส่งยิ้มอย่างขี้เล่นให้กับลูซิเฟอร์ก่อนที่จะกระดกชาในแก้วจนหมด แล้วลุกขึ้นจากเก้าอี้
อ้าว คุณกาเบรียลจะไปแล้วหรอฮะพอซที่เพิ่งเดินเข้ามาถามกาเบรียลที่กำลังเดินสวนออกไป
อือ ผมจะกลับแล้วล่ะ
งั้นเดี๋ยวผมไปส่งนะฮะ
ทั้งสองพากันเดินออกไปโดยปล่อยให้ลูซิเฟอร์นั่งอยู่ที่ระเบียงเพียงลำพัง ถ้วยชาบนโต๊ะค่อย ๆ ถูกยกขึ้นมาจิบอย่างช้า ๆ ก่อนจะถูกวางลง
คิก คิก คิก คิก เรื่องน่าสนุกหรอ...น่าสนใจดี
..................................................................................................................

สองวันต่อมา อีกฝากมุมหนึ่งของตึกในเมืองหลวง
กลิ่นที่หอมหวานของชาแอบเปิ้ลในกาที่ตั้งอยู่บนเตาค่อย ๆ ถูกยกลงมารินลงในถ้วยชาแบบเรียบ ๆ บนโต๊ะริมหน้าต่าง ผ้ากันเปื้อนที่กาเบรียลใส่อยู่ถูกถอดออกและแขวนกับที่แขวนในครัวก่อนที่จะเดินออกมานั่งกับเก้าอี้
เฮ้อ...วันนี้แล้วซินะครับ ทั้งที่อยากจะอยู่ต่อแท้ ๆกาเบรียลถอนหายใจด้วยความรู้สึกเสียดาย ก่อนที่จะหยิบถ้วยชาขึ้นมาจิบ สายตาที่มองลงไปที่ภาพของเมืองหลวงที่ดูวุ่นวายในยามเช้าก่อนที่เขาจะตัดใจจากมัน
แต่มันก็ช่วยไม่ได้นะครับ เบื้องบนเอง เขาก็ใจร้อนเหมือนกัน
ถ้วยเปล่าถูกวางลงบนโต๊ะ รอยยิ้มขี้เล่นของเขาค่อย ๆ ปรากฏขึ้นบนใบหน้าที่ถูกสะท้อนกับเงาของกระจกหน้าต่าง
..................................................................................................................

นายท่านฮะ ผมเจอกล่องผ้าพันแผลที่ยังไม่ได้ใช้ในห้องด้านในด้วยฮะพอซวิ่งเข้ามาในห้องอย่างร่าเริงพร้อมกับกล่องที่ใช้ปฐมพยาบาล
.....
งั้นผมเปลี่ยนผ้าพันแผลให้นะฮะ
.....เมื่อไม่มีคำตอบใด ๆ จากลูซิเฟอร์ พอซจึงเดินเข้าไปและจัดแจงหยิบม้วนผ้าออกมาวางไว้ที่โต๊ะ
ฉันน่ะ...ลูซิเฟอร์พูดขึ้นอย่างลอย ๆ ทำให้พอซที่กำลังจัดแจงหยิบผ้าพันแผลออกมาหยุดมือลงและเงยหน้าขึ้น
.....
ฉันน่ะเกลียดพวกมันที่สุด ทั้งท้องฟ้าและก็ผืนดิน...
.....
เกลียดชังต่อทุก ๆ สิ่ง ไม่เว้นแม้แต่พระเจ้าที่อยู่บนสวรรค์
.....
.....
นายท่านฮะ
.....
ถึงแม้ตอนนี้นายท่านจะเป็นยังไง จะเปลี่ยนไปมากแค่ไหน แต่นายท่านสำหรับผม ก็ยังคงเป็นนายท่านคนเดิม...พอซที่ยืนอยู่ด้านข้างค่อย ๆ เดินมาหยุดอยู่ที่ตรงหน้าของลูซิเฟอร์ก่อนที่เขาจะค่อย ๆ ลดตัวลงคุกเข่ากับพื้นอย่างนอบน้อม
นายท่านก็ยังคงเป็นนายท่านคนเดิม คนเดียวกับคนที่ผมได้ตัดสินใจมอบชีวิตให้ไปเมื่อสามปีก่อนฮะ
.....
.....
งั้นผมขอเปลี่ยนผ้าพันแผลให้นะฮะพอซค่อย ๆ ยืนขึ้นพร้อมกับยิ้มอย่างร่าเริงก่อนที่จะบรรจงเปลี่ยนผ้าพันแผลที่ตาซ้ายให้กับผู้เป็นนาย

11.30.2554

บทที่ 6


เป็นเวลาตลอดหลายชั่วโมงที่ลูซิเฟอร์นั่งอยู่บนเก้าอี้ตัวประจำไม่ขยับไปไหน แววตาที่ดูเลื่อนลอยและว่างเปล่าของเขาจ้องมองท้องฟ้าขณะที่พระอาทิตย์กำลังลับไป ก่อนที่ดวงตานั้นจะถูกปิดลงและจมดิ่งเข้าสู่ห้วงแห่งความฝันอีกครั้ง

ที่นี่มัน

ภาพของทุ่งหญ้าในชนบทกับท้องฟ้าสีครามสดใสที่ไกลจนสุดลูกหูลูกตา ตัวของลูซิเฟอร์ในอดีตที่กำลังเดินเล่นไปตามแนวของทุ่งหญ้าอย่างสบายใจ รอยยิ้มเล็ก ๆ ปรากฏขึ้นบนใบหน้า เมื่อเขาเริ่มคิดว่าบางทีในตอนนี้ เขาอาจจะกลายเป็นผู้ชายที่กำลังมีความสุขที่สุดในโลกก็เป็นได้
ในที่สุดวันนี้ที่เขาเฝ้ารอมาตลอดก็มาถึง เขาอยากจะตะโกนบอกใครต่อใครที่เดินผ่านไปมาให้ดัง ๆ ว่า ตัวเขาในตอนนี้มีความสุขมากเพียงใด ที่อีกแค่ไม่ถึงชั่วโมงเขาจะได้เข้าพิธีวิวาห์กับหญิงสาวที่เขารัก
คุณลูซิเฟอร์!!!! คุณลูซิเฟอร์ครับ!!!!”เสียงโวยวายจากชายคนหนึ่งที่วิ่งตรงเข้ามาหาเขาอย่างแตกตื่น ปลุกให้ลูซิเฟอร์ตื่นขึ้นจากภวังค์
มีอะไรหรอครับ คุณฟิลล์
คือ...คือว่าที่โบสถ์
คำพูดที่ดูเหนื่อย ๆ และฟังไม่ค่อยรู้เรื่องของชายคนนั้น ถึงกับทำให้รอยยิ้มที่อยู่บนหน้าของลูซิเฟอร์เลือนหายไป ก่อนที่เขาจะรีบวิ่งตรงไปยังโบสถ์ที่อยู่ห่างออกจากตัวหมู่บ้าน
และสุดท้ายสิ่งที่เขาคิดวาดเอาไว้ถูกเปลี่ยนไปจากหน้ามือเป็นหลังมือ ดวงตาของเขาเบิกกว้างขึ้นทันทีที่เขาได้เห็นภาพเพลิงไหม้ที่กำลังลุกท่วมโบสถ์ เสียงโหยหวนมากมายของเหล่าผู้คนที่ยังคงติดอยู่ในนั้นปลุกให้เขารู้สึกตัว
แพม!!!!”ลูซิเฟอร์วิ่งตรงไปยังตัวโบสถ์ทันทีที่เริ่มตั้งสติได้
ปึ้ง !!!!
ประตูที่ถูกผลักออก ทำให้กลุ่มควันที่อัดแน่นอยู่ด้านนอกฟุ่งออกมา ลูซิเฟอร์ค่อย ๆ เอามือปัดควันที่อยู่ตรงหน้าออก ทำให้เห็นสภาพด้านในได้อย่างชัดเจนมากขึ้น
ไฟที่ลามไปติดตามผนังและเก้าอี้ยาวที่ถูกทำด้วยไม้ ทุกอย่างที่ล้วนเป็นเชื้อเพลิงอย่างดีเริ่มทำให้ไฟลุกแรงขึ้น
แพม เธออยู่ไหน!!!!”
ลูซิเฟอร์ที่ยืนมองภาพสภาพโดยรวมอยู่ที่ประตูพร้อมกวาดสายตามองไปรอบ ๆ อย่างกระวนกระวาย  แล้วดวงตาของเขาก็ต้องเบิกกว้างอีกครั้งเมื่อไปสะดุดกับร่างของหญิงสาวในชุดขาวที่นอนสลบอยู่อีกมุมด้านหนึ่งของตัวโบสถ์
แพม!!!!”ลูซิเฟอร์วิ่งฝ่าเข้าไป ค่อย ๆ ช้อนร่างของแพมเมอรี่เข้าสู่อ้อมกอด
แพม!!!! ตื่นซิ เลิกล้อเล่นกันได้แล้ว!!!!” น้ำตาที่เริ่มไหลคลอของเขาค่อย ๆ หยดลงบนใบหน้าของเธอ ก่อนที่เขาจะอุ้มร่างของเธอขึ้นอย่างไม่รอช้า
ไฟที่ยิ่งโหมแรงขึ้นและลามจนปิดช่องทางเดินทางเดียวของเขา ทำให้ทั้งสองติดอยู่กลางกองเพลิงที่ลุกอย่างโชติช่วง ควันไฟเริ่มเข้าแทรกแซงอากาศที่เหลืออยู่เพียงน้อยนิดจนทำให้แถบจะไม่เหลือออกซิเจนพอที่จะไปเลี้ยงสมอง และนั้นก็ทำให้ประสาทสัมผัสบางส่วนของลูซิเฟอร์เริ่มใช้การไม่ได้  เขาที่ยังคงพยายามครองสติเอาไว้ตัดสินใจวิ่งฝ่ากองเพลิงออกไป
และด้วยการตัดสินใจนั้น ทำให้ทั้งสองหลุดออกมาจากกลางวงเพลิงได้ เปลวไฟที่แผดเผาเนื้อตัวของทั้งสองคนจนเกิดรอยไหม้ โดยเฉพาะกับลูซิเฟอร์ที่พยายามเอาตัวเองเข้ากันร่างของแพมเมอรี่เอาไว้ ก็ทำให้เขาบาดเจ็บไปเกือบทั้งตัว
ลูซิเฟอร์วิ่งหลบหลีกมาตลอดจนถึงหน้าประตูและทันทีที่เขาใช้มือผลักประตูออกไป
เพล้ง !!!!
ความร้อนจากเปลวไฟทำให้กระจกสีที่อยู่ด้านบนแตกลงมา เศษของกระจกที่แตกตกร่วงลงมาที่หน้าของลูซิเฟอร์ที่แหงนขึ้นไปมอง
ปึ้ง!!!!
อ๊ากกกกกกกก!!!!
ร่างของแพมเมอรี่ล้มลงพร้อมกับลูซิเฟอร์ เศษเล็กเศษน้อยที่ร่วงลงมาฝังเข้ากับใบหน้าและกระเด็นเข้าที่ตาข้างซ้ายของลูซิเฟอร์
อ๊ากกกกกกกก!!!!
อ๊ากกกกกกกก!!!!
ลูซิเฟอร์ร้องครวญครางด้วยความทรมานพร้อมกับหยดเลือดที่ไหลออกมาจากตาข้างซ้ายนั้น
มือข้างหนึ่งของลูซิเฟอร์ค่อย ๆ เอื้อมไปหาร่างของแพมเมอรี่ที่อยู่ไม่ไกลจากตัวเขาก่อนที่สติของเขาจะดับวูบลง
..................................................................................................................

แสงจากดวงอาทิตย์ปลุกให้ลูซิเฟอร์ตื่นขึ้นจากห้วงนิทรา มือของเขารีบจับผ้าพันแผลที่พันทับตาซ้ายด้วยความตกใจทันทีที่ได้สติ ก่อนที่เขาจะค่อย ๆ ลดมือลง เมื่อสังเกตเห็นสภาพห้องที่ถูกเก็บกวาดจนเรียบร้อย
อรุณสวัสดิ์ฮะ นายท่านพอซเข้ามาทักทายผู้เป็นนายด้วยใบหน้าที่ยิ้มแย้ม
.....
คือตอนที่นายท่านหลับ ผมได้เข้ามาทำความสะอาดที่นี่น่ะฮะ
.....
.....
.....
                อ๋อ เกือบลืมไปฮะ เมื่อกี้มีชายแปลกหน้าคนหนึ่งมาหานายท่านด้วยฮะและนั้นเป็นครั้งแรกตั้งแต่มานี่ ที่คำพูดของพอซจะทำให้ลูซิเฟอร์ดูสนใจได้มากถึงขนาดนี้
ลูซิเฟอร์ดูมีท่าทีแปลกใจไม่น้อยกับสิ่งที่ได้ยิน
                เขาอยู่ไหน
                อยู่ที่ห้องโถงฮะ
เมื่อสิ้นสุดคำพูด ลูซิเฟอร์ก็รีบเดินออกมาจากห้องอย่างกระวนกระวายโดยไม่ลืมที่จะคว้าอาวุธที่แขวนผนังอยู่ติดมือไปด้วย ทันทีที่ลูซิเฟอร์เดินมาจนถึงหัวบันไดก็พบกับชายคนหนึ่ง ที่ยืนรออยู่ด้านล่าง
ชายคนนั้นจะเงยหน้าขึ้นหันไปทางบันไดเหมือนรับรู้ได้ถึงการมาของลูซิเฟอร์
สวัสดีครับชายแปลกหน้ากล่าวทักทายลูซิเฟอร์ด้วยรอยยิ้ม
.....
ชายคนนั้นมองพิจารณาร่างที่อยู่ด้านบนก่อนที่เขาจะสังเกตเห็นอาวุธที่อยู่ในมือของลูซิเฟอร์
 ผมว่าเราควรจะมาคุยกันดี ๆ นะครับเขาส่งยิ้มให้ลูซิเฟอร์อย่างขี้เล่น
.....
 อ๋อ...เกือบเสียมารยาท ผมกาเบรียล ดีสเซ็นต์ ยินดีที่ได้รู้จักครับกาเบรียลก้มตัวลงเล็กน้อยเพื่อเป็นการแนะนำตัว
.....
งั้นผมขอเข้าเรื่องเลยแล้วกันนะครับ คุณลูซิเฟอร์ อลิเดเซ่กาเบรียลรีบเอ่ยขึ้น เมื่อตัวเขานั้นเริ่มรู้สึกอึดอัดกับสายตาที่ลูซิเฟอร์มองมาทางเขา
แกเป็นใครกันแน่!!!!”ดวงตาของลูซิเฟอร์เบิกกว้างขึ้นพร้อมกับอาวุธในมือที่ถูกชูขึ้น
ใจเย็นซิครับ ผมกาเบรียล ก็คือกาเบรียลซิครับ จะให้เป็นใครได้ แหม...เก็บอาวุธก่อนซิครับ
.....
ถ้าผมพูดถึงองค์กร ดูเหมือนว่าเราจะคุยกันง่ายขึ้นนะครับ
.....อาวุธที่อยู่ในมือของลูซิเฟอร์ค่อย ๆ ลดลง ก่อนที่เขาจะคิดถึงคำพูดที่ผู้บุกรุกเคยบอกไว้กับเขา
เฮ้อ...ผมชักเมื่อยแล้วล่ะ ขอผมนั่งจิบชา แล้วเราค่อยคุยกันเถอะครับกาเบรียลเริ่มแสดงอาการบิดขี้เกียจก่อนที่จะหันมาส่งยิ้มให้ลูซิเฟอร์อีกครั้ง