10.19.2554

บทนำ

บทนำ


          ณ คืนที่มืดมิด ซึ่งมีเพียงแสงจันทร์เท่านั้นที่ถูกสาดส่องมากระทบกับผนังปูนด้านนอก รากไม้ที่พันธนาการช่วงตึกไว้ และรวมไปถึงภายในของสถานที่แห่งนั้น แสงจันทร์ลอดผ่านหน้าต่างทำให้เห็นบางส่วนในตัวคฤหาสน์ที่มืดมิด
          แม้ว่าคฤหาสน์หลังนี้จะจัดเป็นคฤหาสน์สองชั้นที่ใหญ่พอตัว แต่ด้วยความเงียบของที่นี่ ถ้าลองตั้งใจฟังดี ๆ จะได้ยินเสียงเพลงดังออกมาจากห้องตรงทางเดินชั้นบน ซึ่งเป็นห้องเดียวในคฤหาสน์ที่มีแสงจากเปลวเทียนถูกจุดเอาไว้
          ภายในห้องมีข้าวของกระจัดกระจายอยู่ตามพื้น ทั้งเศษข้าวของแตกกระจาย หมอนถูกกรีดแทงจนนุ่นข้างในหลุดทะลักออกมา ผ้าม่านบางมุมขาดแหว่งจากการกระชาก รวมไปถึงข้าวของบางชิ้นในห้องที่มีรอยคราบเลือดแห้ง ๆ เปื้อนอยู่

          ...เสียงหัวใจที่ยังคงเต้น

          เสียงฮัมเพลงเบา ๆ ดังมาจากเก้าอี้รับแขกทรงโบราณตัวใหญ่ซึืงจับหันหน้าออกไปทางระเบียง

          สายลมที่เคยพัดผ่านตัวฉันและเธอ ฉันยังคงจำมันได้
          อยากจะพบเธออีกสักครั้ง

          เพลงถูกหยุดร้องไปชั่วขณะเหมือนกับแผ่นจากเครื่องเล่นเพลงสะดุด แสงจากดวงจันทร์สะท้อนเข้ากับใบหน้าของเจ้าของเสียง ใบหน้าเรียวรับกับผมสีดำมัดยาวถึงกลางหลัง รวมไปถึงผมด้านหน้าที่ปัดไปทางซ้าย เพื่อปกปิดตำแหน่งของผ้าพันแผลที่พันปิดตาไว้อย่างลวก ๆ ตาข้างขวาซึ่งยังคงใช้การได้จ้องมองแสงจันทร์อย่างเลื่อนลอยด้วยแววตาอันเศร้าสร้อย

          กลับมาเถอะ ความรักของฉัน

          ความเงียบถูกทำลายลงด้วยเนื้อเพลงท่อนสุดท้าย น้ำตาของเขาไหลออกมาจากนัยน์ตาขวาด้วยความรู้สึกที่เจ็บแค้นและเกลียดชังต่อโชคชะตา

          เมี้ยว...ว... เสียงของสัตว์ที่เหมือนจะหลงเข้ามาในคฤหาสน์ร้องขึ้น ปลุกให้ชายผู้ตกอยู่ในภวังค์รู้สึกตัว เขาหันไปดูเจ้าตัวต้นเสียงด้วยสายตาที่เลื่อนลอยและว่างเปล่า นัยน์ตาที่ยังใช้การได้นั้นสบตาเข้ากับดวงตาสีเหลืองโตในเงามืด


       เจ้าของร่างบนเก้าอี้ค่อย ๆ ลุกขึ้น และเดินตรงเข้าไปหาเจ้าของดวงตาที่จ้องมองเขาอยู่ เท้าทั้งสองย่างก้าวอย่างช้า ๆ จนไปหยุดอยู่ตรงหน้า เขาและมันตอนนี้อยู่ห่างกันถีบตัว เจ้าสัตว์สี่เท้าตัวดำยังคงไม่ขยับไปไหน ไม่ใช่เพราะว่ามันอยากจะอยู่ประจันหน้ากับผู้ชายคนนี้ แต่เพราะอะไรบางอย่างทำให้มันไม่สามารถจะถอดสายตาและขยับตัวไปไหนได้
       มือและนิ้วเรียวยาวทั้งห้าเอื้อมออกไปกุมเข้าที่คอของมัน อุ้งเท้าน้อย ๆ ลอยขึ้นเหนือจุดยืน ดวงตาเหลืองโตก้มมองพื้นที่ห่างออกไป ก่อนมันจะแหงนมองชายตรงหน้าอย่างงุงงงด้วยรูม่านตาที่ขยายกว้างขึ้นเมื่อต้องกับแสงสีนวลของดวงจันทร์ ท่าทางเย็นชาและสายตาที่จ้องมองมา ทำให้มันไม่อาจคาดเดาความคิดและการกระทำต่อไปของชายผู้นี้ได้
เมี้ยวววววววววว!!!!
      แต่แล้วจู่ ๆ เจ้าสัตว์สี่เท้าก็ถึงกับร้องเสียงหลงและตะเกียดตะกายอย่างทรมาน ทันทีที่มือนั้นออกแรงบีบ มันรู้สึกราวกับว่ากระดูกของมันจะแหลกลงให้ได้ เจ้าของอุ้งมือเริ่มทวีความรุนแรงมากขึ้น และ มากขึ้นเรื่อย ๆ อย่างไม่ปรานี
   “คิก คิก คิก คิก”เขาเริ่มแสยะยิ้มออกมา แววตาที่เคยดูเลื่อนลอยและว่างเปล่าเริ่มเบิกกว้างและดูมีชีวิตชีวามากขึ้น เขาจ้องมองเข้าไปในดวงตาสีเหลืองที่ดูกระวนกระวายและหวาดกลัว “คิก คิก คิก คิก...”เสียงหัวเราะค่อย ๆ ดังขึ้น ท่าทีของเขาเริ่มแปลกไปอย่างเห็นได้ชัดราวกับว่าเขากำลังสนุกอยู่กับมัน “คิก คิก คิก เจ็บใช่มั้ยล่ะ...คิก คิก คิก”เขายังคงบีบคอมันอยู่ แต่ไม่ได้ออกแรงมากขึ้นหรือเบาลงราวกับว่า เขาอยากจะให้มันฟังในสิ่งที่เขากำลังจะพูด
      “คิก คิก คิก คิก แกน่ะไม่ได้ทำอะไรผิดเลยแม้แต่นิดเดียว แต่กลับต้องมาโดนแบบนี้ คิก คิก คิก...” หลังจากหัวเราะค้างอยู่พักหนึ่ง รูปปากค่อย ๆ คลายกลับสู่สภาพเดิม เขาก้มหน้าลงเล็กน้อย พร้อมกับเสียงหัวเราะกึ่งครางที่ฟังแล้วชวนขนลุกก็เงียบหายไป หลังจากที่เว้นช่วงพูดได้ไม่นาน ปากที่ปิดจนสนิทไปแล้วก็เริ่มขยับพูดอีกครั้ง แต่ครั้งนี้เสียงที่ออกมานั้น กลับดูแผ่วเบาซะจนเกือบจะไม่ได้ยิน “โลกนี้มันโหดร้าย ส่วนแกมันก็แค่โชคไม่ดีที่หลงเข้ามาที่นี่”เขาเริ่มออกแรงบีบคอเจ้าแมวดำอีกครั้ง “ถ้าจะโทษใครสักคน ก็คงต้องโทษพระผู้เป็นเจ้าที่ไม่อาจนำพาชีวิตของแกให้ผ่านพ้นคืนนี้ไปได้”
      กึก!!!! และนั่นเป็นคำพูดสุดท้ายที่เจ้าแมวดำโชคร้ายนั้นจะได้ฟัง หลังจากที่ได้ฟังจนจบประโยค รอยยิ้มแสยะก็ปรากฏขึ้นอีกครั้ง พร้อมกับหนึ่งชีวิตที่ดับลงในมือของชายที่มันพึ่งจะได้พบ มือข้างที่ถือร่างไร้ชีวิตของเจ้าแมวดำโชคร้ายค่อย ๆ คลายมือออกและปล่อยให้ร่างของเจ้าสัตว์สี่เท้าร่วงลงสู่พื้นอย่างไม่ใยดี เขามองดูมันก่อนจะเอื้อมมือของตนไปปิด
เปลือกตาของร่างไร้ชีวิตนั้นลง

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น